"ความไม่มีหนี้เป็นลาภอันประเสริฐ" หรือบ้างก็บอกว่า "ไม่มีหนี้สินก็ไม่มีทรัพย์สิน" ทั้งนี้ก็แล้วแต่มุมมองหรือวิธีคิดของแต่ละคน หรืออาจจะขึ้นอยู่กับที่มาของการเป็นหนี้ เช่น เกิดจากการใช้จ่ายเกินตัว หรือเพื่อใช้เป็นเงินทุนในการทำธุรกิจ ฯลฯ และคงเป็นที่ทราบกันดีว่าปัจจุบันปัญหาเรื่องหนี้เสียมีค่อนข้างมากเนื่องจากผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจทั้งภายในและภายนอกประเทศไม่ว่าจะเป็นปัญหาด้านซับไพร์มของประเทศสหรัฐอเมริกา ปัญหาหนี้บัตรเครดิต ปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น ตลอดจนผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินบาท ฯลฯ
จะสังเกตเห็นว่าปัญหาเศรษฐกิจต่างๆ เหล่านี้ เริ่มเป็นปัญหาที่เราไม่สามารถทำนายได้เพราะบางครั้งไม่ได้เกิดขึ้นในบ้านเรา แต่เกิดที่ประเทศอื่นๆ และส่งผลกระทบมาถึงบ้านเราด้วยเหตุของกระแสโลกาภิวัตน์ยิ่งถ้าเกิดจากผลกระทบจากภัยธรรมชาติ เช่น สึนามิ น้ำท่วม ไฟไหม้ ฯลฯ แบบนี้ยิ่งคาดเดาอะไรไม่ได้เลย
เพราะฉะนั้นการระมัดระวัง หรือการสร้างภูมิคุ้มกันทางด้านการเงินน่าจะเป็นวิธีที่ทำให้เราปลอดภัยหรือเจ็บตัวน้อยที่สุดเมื่อได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ผลิกผันหรือภัยธรรมชาติ โดยเฉพาะคนที่มีภาระหนี้สิน หากไม่รู้จักเตรียมตัวให้ดี หรือไม่รู้จักระมัดระวังด้านการเงิน เมื่อได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจผันผวนจะมีปัญหาหนัก หากจะแบ่งประเภทของการเกิดหนี้ตามคำกล่าวเบื้องต้นน่าจะแบ่งได้ ดังนี้
"ความไม่มีหนี้เป็นลาภอันประเสริฐ" หนี้ประเภทไหนที่น่าจะเข้ากับคำกล่าวนี้ ลองมาดูกัน อันดับแรกน่าจะเป็น หนี้ที่เกินจากการใช้จ่ายเกินตัว ประเภทรายได้ต่ำรสนิยมสูง ใช้จ่ายไม่ระมัดระวัง เข้าตำรา ศุกร์เมา เสาร์นอน อาทิตย์พักผ่อน จันทร์ลา หรือประเภทชอบเดินห้างซื้อทุกอย่างที่ขวางหน้า หรือซื้อเพราะลดราคา หรือมีของแถม เสร็จแล้วก็ไม่ได้ใช้ หรือประเภทอยู่อย่างอยาก เห็นใครมีอะไรต้องมีด้วย กู้มาซื้อก็จะทำ ข้างบ้านซื้อโทรทัศน์มาใหม่ใหญ่กว่าก็ต้องซื้อด้วย ไม่ยอมน้อยหน้า
ปัญหาของการก่อหนี้จากสาเหตุนี้ คือ ไม่รู้จักประมาณตัวเอง หนี้ที่เกิดจากเหตุการณ์ฉุกเฉินหรือความจำเป็นทั้งของตัวเองและครอบครัว เช่น เรื่องการเจ็บป่วยหรือเกิดอุบัติเหตุหนักๆ ค่าเทอมลูก หรือทรัพย์สินเสียหายจำเป็นต้องซ่อมแซมฯลฯ ในบางรายก็จะมีเรื่องของการใช้จ่ายไม่ระมัดระวังเข้ามาผสมด้วยยิ่งไปกันใหญ่ ทำให้เมื่อเกิดเหตุการณ์จำเป็นฉุกเฉินขึ้นไม่มีเงินเพียงพอที่จะใช้บรรเทาความเดือดร้อนได้ จำเป็นต้องกู้หนี้ยืมสิน การกู้ยืมที่สุดฮิตของคนที่ชอบก่อหนี้จาก 2 สาเหตุนี้
คือ หนี้บัตรเครดิต ทำง่ายใช้คล่อง สะดวกสบายใช้เงินอนาคต สินเชื่อส่วนบุคคล ของ่ายเป็นหนี้ได้เร็ว และสุดท้าย พึ่งพาหนี้นอกระบบ รวดเร็วทันใจ ดอกเบี้ยแพงหูฉี่ วิธีป้องกันการเกิดของหนี้ทั้งสองประเภทนี้คือ รู้จักเก็บก่อนใช้ มีวินัยในการออม กินอยู่อย่างพอเพียง ขยันทำมาหาเก็บ และสุดท้ายหากเกิดความจำเป็นต้องเป็นหนี้ต้องมีวินัยในการชำระหนี้ ระมัดระวังเรื่องการใช้จ่าย ที่นี้มาดูว่าหนี้ประเภทไหนเข้ากับคำกล่าวที่ว่า"ไม่มีหนี้สินก็ไม่มีทรัพย์สิน"
หนี้ที่เกิดจากการลงทุนทำธุรกิจ เช่น เงินเบิกเกินบัญชี เงินกู้ ตั๋วสัญญาใช้เงิน ฯลฯ เพื่อใช้ในการซื้อเครื่องจักร ก่อสร้างโรงงาน ซื้ออุปกรณ์ หรืออื่นๆ เพื่อใช้ในการทำธุรกิจ จะเป็นการกู้ยืมจากสถาบันการเงินเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งการทำธุรกิจย่อมมีความเสี่ยงบ้าง เช่น ผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ หรือภัยธรรมชาติ หรือเกิดจากความไม่รู้จริงในธุรกิจที่ทำหวังพึ่งพาคนอื่นหรือการบริหารจัดการที่ไม่ดี หรือในบางรายก็จะเป็นลักษณะทำเกินตัวประเภท เล็กๆไม่ ใหญ่ๆ เอา "
ซึ่งปัจจัยเหล่านี้มีผลที่จะทำให้หนี้สินสร้างทรัพย์สินได้หรือไม่วิธีป้องกัน การจะลงทุนทำธุรกิจใดก็ตามเราต้องรู้จริงในธุรกิจนั้นๆ ควรจะมีเงินทุนอยู่บ้างบางส่วนมิใช่ใช้เงินกู้ทั้งหมด ยกเว้น เห็นชัดจนว่าธุรกิจนี้มีกำไรแน่ๆ แต่อยากจะบอกว่าโอกาสเช่นนั้นยากมากๆ ทำแผนธุรกิจให้ชัดเจน และเป็นแผนที่น่าจะทำได้จริงแต่จุดนี้สถาบันการเงินจะช่วยเราวิเคราะห์ เพราะฉะนั้นถ้าสถาบันการเงินไหนไม่พิจารณาอนุมัติให้กู้ หรือให้น้อยก็อย่าไปโกรธเพราะเขากำลังช่วยเราป้องกันความเสี่ยง จัดสรรเงินให้ดีส่วนไหนเป็นเงินสำหรับใช้จ่ายทั่วไป เงินสำหรับยามเกษียณ และเงินสำหรับการลงทุน หากพลาดพลั้งจะได้มีข้าวกินครบ 3 มื้อ
สรุปแล้วการเป็นหนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสียแล้วแต่ที่มาของการก่อหนี้และวินัยในการผ่อนชำระแต่ยาขนานเอกที่จะช่วยป้องกันการก่อหนี้ที่ไม่จำเป็น คือ การเก็บออมอย่างมีวินัย ประหยัดและเน้นการกินอยู่อย่างพอเพียง |