|
สมาชิกเดือดร้อนที่น่าเห็นใจ | |
ใช่เลย สหกรณ์ตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือสมาชิก. มีทั้งผู้ฝากและผู้กู้ รายได้ก็มาจากดอกเบี้ยของผู้กู้ มาจ่ายให้ผู้ฝาก ผู้กู้ยอมจ่ายดอกเบี้ยเพื่อเป็นดอกเบี้ยให้กับผู้ฝากเงินและจ่ายค่าจ้างค่าตอบแทนให้กรรมการที่เราจ้างเข้าไปดูแล ดังนั้นวัตถุประสงค์ของสหกรณ์คือการช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกันในกลุ่มสมาชิก ไม่น่าไปเอาสถาบันการเงินอื่นมาเกี่ยวข้อง ถ้าหากสถาบันการเงินอื่นหักภาระหนี้ก่อนสหกรณ์. ที่เหลือให้สหกรณ์หักเป็นอันดับต่อไปหรือสุดท้าย. อย่างนี้ซิถึงจะพิจารณาการกู้แบบมีเงื่อนไข. เพราะสหกรณ์กลัวหักไม่ได้. เงินเดือน/ค่าจ้างอยู่ในมือหักได้เป็นอันดับแรกอยู่แล้ว ถ้ากรรมการกล้วก็สมควรลาออกหรือไม่ต้องสมัครเข้ามาให้สมาชิกเลือกเพราะสมาชิกไม่เรื่องมาก ใครก็ได้ที่เสนอตัวมาเป็นกรรมการ สมาชิกส่วนใหญ่ก็ยอมรับเพราะถือว่าเป็นสาธารณสุขด้วยกันและเชื่อว่าต้องมุ่งมั่นพัฒนาสหกรณ์ช่วยเหลือสมาชิก ซึ่งเปรียบเสมือนครอบครัวเดียวกัน ช่วยเหลือเกื้อกูลในสมาชิกด้วยกัน สมาชิกคนไหนเดือดร้อนก็ช่วยเหลือตามสิทธิกู้และจ่ายดอกเบี้ยตามสัญญา(คงไม่มีใครขอกู้และของดดอกเบี้ยหลอกนะ) คนไม่เดือดร้อนก็ไม่ต้องกู้(จะกู้ให้เสียดอกเบี้ยทำไม) รอรับเงินปันผลดีกว่า จริงไหม สหกรณ์อยู่ได้เพราะมีรายได้จากดอกเบี้ยผู้กู้. ผู้ฝากเงินก็ได้รับดอกเบี้ยจากดอกเบี้ยผู้กู้. กรรมการ/พนักงาน ได้รับเงินค่าจ้างค่าตอบแทนมาจากดอกเบี้ยผู้กู้. เงินปันผลที่ได้รับก็มาจากดอกเบี้ยผู้กู้ อย่าสร้างเงื่อนไขการกู้นักเลยสงสารสมาชิกที่เดือดร้อนมากๆเถอะ ให้สมาชิกเขาใช้สิทธิให้เต็มที่. อย่าไปเอาสถาบันอื่นมาวุ่นวายกับเงินในครอบครัวเราเลย(ครอบครัวสาธารณสุข) ข้อคิด. กรรมการคนไหนกลัว ไม่ต้องสมัครมาเป็นตัวแทนของสมาชิก และผู้ฝากเงินคนไหนกลัวก็ไม่ต้องฝากไปฝากที่อื่น เพราะที่นี่คือสหกรณ์ฯ เพื่อช่วยเหลือเกื้อกูลสมาชิกด้วยกัน | |
ผู้ตั้งกระทู้ สมาชิกเหมือนกัน :: วันที่ลงประกาศ 2015-03-04 17:34:23 IP : 171.100.179.56 |
1 |
ความคิดเห็นที่ 1 (3780243) | |
ถูกต้องที่สุด | |
ผู้แสดงความคิดเห็น สมาชิกคนหนึ่ง วันที่ตอบ 2015-03-04 17:47:04 IP : 110.77.153.88 |
ความคิดเห็นที่ 2 (3780285) | |
เห็นด้วยครับ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น สมาชิกคนนึง วันที่ตอบ 2015-03-04 20:39:14 IP : 223.204.233.233 |
ความคิดเห็นที่ 3 (3780468) | |
ก็เห็นด้วยค่ะ ถ้าไม่ให้คนที่เป็นสมาชิกสหกรณ์ด้วยกันกู้ ด้วยเหตุผลว่ากู้จากสถาบันอื่น มันไม่ใช่น่ะ สมาชิกที่เป็นสมาชิกสหกรณ์ของสาธารณสุข ต้องมีสิทธิกู้ เพราะเป็นสมาชิก ถ้าอย่างงันคณะกรรมการก็ควรออกไปตั้งสถาบันของตัวเอง สามารถออกกฏต่าง ๆ ได้ เพราะเป็นเงินของพวกคุณเอง อันนี้คือเงินฝาก และ กู้พร้อมดอกเบี้ยของสมาชิกสหกรณ์สาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลก อันมีคณะกรรมการโดยการแต่งตั้งมาให้กำกับและดูแล มิใช่เจ้าของสหกรณ์ นึกอยากจะตั้งกฏเกณฑ์อะไร ก็ทำ ไม่ถามสมาชิกอีกหลายพันคนเลย ปันผลคณะกรรมการแต่ละปี คุณเป็นผู้ดูแล คุณก็ได้ ไม่ว่ากันเพราะเข้ามาทำงาน แต่การทำงานต้องเดินด้วยผลประโยชน์ของสหกรณ์ค่ะ สหกรณ์คือครอบครัวเดียวกัน คุณมาตัดการกู้ของสมาชิก อย่างการกู้ธนาคารออมสินกู้ซื้อบ้าน การกู้คงจ่ายคืนประมาณ ๒๕ ปี ได้ และก็คงจ่ายกันมาเรื่อย ๆ เพราะระยะเวลามันนาน แล้วเอามาเป็นตัวกำหนด เป็นสมาชิกก็ไม่ต้องกู้กันพอดี เพราะกู้มานานแล้ว ก่อนคณะกรรมการจะกำหนดซะอีก สงสารและเห็นใจคนกู้ไม่ได้ ซึ่งก็เป็นส่วนหนึ่งของเจ้าของเงิน ถึงแม้ว่าเงินฝากจะน้อยกว่าเงินกู้ก็ตาม แต่เสียก็ดอกเบี้ย ปี ๆ หนึ่ง ก็หลายพันบาทเหมือนกันให้กับสหกรณ์
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น สมาชิกที่เห็นใจ (Tata-at-yahoo-dot-com)วันที่ตอบ 2015-03-05 12:20:01 IP : 223.206.3.178 |
ความคิดเห็นที่ 4 (3781618) | |
ข้าราชการที่ทําอาชีพเสริมเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต เขาไม่ได้มีแค่อาชีพรับราขการอย่างเดียว เขาก็ต้องมีภาระธนาคารอื่นมันแปลกตรงไหน... | |
ผู้แสดงความคิดเห็น 5555 วันที่ตอบ 2015-03-08 06:34:15 IP : 182.53.118.141 |
ความคิดเห็นที่ 5 (3786251) | |
เห็นด้วยที่สุดค่ะ การที่สหกรณ์ไปกู้เงินจากสถาบันการเงินอื่นที่ดอกเบี้ยถูกเพื่อมาปล่อยกู้ในอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่า ก็ถือว่าได้ประโยชน์ในระดับหนึ่งแล้ว และถือว่าเป็นการบริหารจัดการการเงินของสหกรณ์ แต่การตัดสินใจให้กู้หรือไม่ให้กู้นั้นควรเป็นอำนาจการตัดสินใจของสหกรณ์เองซึ่งนั่นก็ไม่ใช่การลุกขึ้นมาตั้งกฏเกณฑ์นู่น นั่น นี่ ที่เป็นการริดรอนสิทธิในการกู้ของสมาชิกโดยไม่ได้นึกถึงความเดือดร้อนของสมาชิก แบบนี้เหมือนเป็นการผลักภาระให้สมาชิกต้องมารับผิดชอบการบริหารงานของสหกรณ์ ในขณะที่สหกรณ์เองไม่ต้องมารับผิดชอบอะไรเลย ไม่ต้องเสียผลประโยชน์ เพราะยังไงเงินก็หักได้ทุกเดือนอยุ่แล้ว แต่สมาชิกที่เดือดร้อนต้องหมดหนทางไป ไม่มีทางออก เพราะหลายๆ คนคงคิดไม่ถึงว่าจะเป็นแบบนี้หลังจากที่เคยกู้กันมาได้เรื่อยๆ ช่วยต่อชีวิตสมาชิกที่เดือดร้อนไปได้ไม่มากก็น้อย ถึงแม้จะเป็นการชักหน้าถึงหลังไปบ้าง แต่การชำระหนี้ของเค้าก็ไม่เคยขาดและครบถ้วนเพราะยังมีทางออกได้บ้าง ก่อนตั้งกฎเกณฑ์นู่น นั่น นี่ ควรพิจารณาหลายๆ ด้าน เช่น ประวัติการชำระหนี้ หรืออื่นๆ ที่เอามาประกอบการพิจารณานอกจากผลประโยชน์ที่สหกรณ์จะได้รับ สมาชิกบางคนหรือหลายคนที่เดือดร้อนคงทำอะไรได้ไม่มากเพราะหมดหนทาง ลาออกก็ไม่ได้เพราะภาระหนี้ของสหกรณ์ก็มาก แต่เชื่อว่าความศรัทธา เชื่อใจ ในสถาบันการเงินที่อาจเป็นที่เดียวที่เค้าพึ่งพาได้คงน้อยลงและหมดไปในที่สุด ขอไว้อาลัยค่ะ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น หมดความหวัง วันที่ตอบ 2015-03-19 21:26:00 IP : 1.46.38.230 |
1 |
Admin by สหกรณ์ออมทรัพย์สาธารณสุขพิษณุโลก จำกัด |
Visitors : 637952 |