|
การยกเลิกการค้ำประกัน | |
ผู้ค้ำสามารถบอกเลิกค้ำประกันให้กับผู้กู้เดิม ได้หรือไม่ อย่างไร ช่วยตอบให้คลายความสงสัยได้ไหม เพราะเนื่องจากปัจจุบันมีการกระทำเช่นนี้เกิดขึ้นจริงแล้ว | |
ผู้ตั้งกระทู้ 1ในสมาชิก :: วันที่ลงประกาศ 2014-07-21 13:55:05 IP : 182.53.112.119 |
1 |
ความคิดเห็นที่ 1 (3704321) | |
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ลักษณะ ๑๑ ค้ำประกัน..หมวด ๑ บทเบ็ดเสร็จทั่วไป มาตรา ๖๘๐ อันว่าการค้ำประกัน คือสัญญาซึ่งบุคคลภายนอกคนหนึ่ง เรียกว่าผู้ค้ำประกัน ผูกพันตนต่อเจ้าหนี้คนหนึ่ง เพื่อชำระหนี้เมื่อลูกหนี้ไม่ชำระหนี้นั้น อนึ่งสัญญาค้ำประกันนนั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงลายมือชื่อผู้ค้ำประกันเป็นสำคัญ(สัญญาลมปาก) ท่านจะฟ้องร้องคดีหาได้ไม่ สรุปความ..การค้ำประกัน เป็นการให้สัญญาของผู้ค้ำประกันต่อเจ้าหนี้ ว่า ถ้าลูกหนี้คนนี้ไม่ยอมชำระหนี้ข้าพเจ้าฯจะเป็นผู้รับผิดชอบการชำระหนี้นั้นเอง โปรดให้เงินกู้แก่ผู้กู้(ลูกหนี้)โดยไวพวกข้าพเจ้า(ผู้ค้ำประกัน)จะรับผิดชอบเอง ซึ่งการค้ำประกันจะผูกพันอายุสัญญา จนกว่าจะมีเหตุการณ์เปลี่ยนแปลง เช่น ผู้ค้ำเสียชีวิต(เล่นแรวงเลย) เจ้าหนี้ก็จะเรียกให้ลูกหนี้หาหลักทรัพย์/ผู้ค้ำมาทดแทนให้เต็มจำนวนมูลหนี้ แต่กรณีที่ท่านถาม...ว่าจะขอเลิกสัญญาค้ำประกันขณะที่ลูกหนี้รายนั้นยังชำระหนี้ไม่เสร็จสิ้นได้หรือไม่ เรื่องนี้สหกรณ์ฯ(เจ้าหนี้)จะยังไม่รับรู้และจะถือสัญญาค้ำประกันเดิมไว้ก่อน จนกว่าผู้ค้ำประกันรายนั้นจะตกลงกับผู้กู้ให้หาหลักทรัพย์/คนค้ำรายใหม่มาทดแทนตน แล้วยื่นหลักทรัพย์หรือผู้ค้ำรายใหม่ทดแทนให้สหกรณ์ฯพิจารณาว่าทดแทนกันได้ และฉีกสัญญาเดิม ผู้ค้ำรายนั้น(ที่ตั้งคำถาม)จึงจะไม่ผูกพันตามสัญญากู้เงิน ครับ นิทานเรื่องนี้...สอนให้รู้ว่า จะค้ำประกันใครต้องรู้จักรู้ใจให้สิ้นสงสัย เพราะเราต้องรับผิดชอบร่วมกับเขาไปตลอดสัญญา จะทำตามอารมณ์นั้นมิได้เพราะมันไม่แน่นอน(แต่หลักฐานตามสัญญาที่ลงลายมือชื่อแน่นอนกว่า) อารมณ์มีขึ้นมีลงวันที่ทำสัญญารักกันมาก อยู่ๆไปงอนกันโกรธกันเกลียดกันก็ไม่อยากค้ำมัน(ผู้กู้) วันหลังเกิดดีกันรักกันก็จะค้ำประกันอีก อย่างนี้ระบบการค้ำประกันคงวุ่นวายน่าดู(ธนาคารเขาก็ปฏิบัติตามกฎหมายค้ำประกันเคร่งครัดเหมือนกันไม่ปฏิบัติตามอารมณ์มนุษย์ขึ้นๆลงๆ) เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้....สาธุ ข้ออื่นให้ผู้เกี่ยวข้องตอบมั่งนะช่วยกันตอบหน่อยครับ สมาชิกเขาอึดอัดนะ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น นายเสน่ห์ มั่นทับ (sanemant-at-gmail-dot-com)วันที่ตอบ 2014-09-12 06:18:20 IP : 223.207.251.200 |
ความคิดเห็นที่ 2 (3708548) | |
ส่วนตัวของผม..เป็นผู้กู้เหมือนกัน และทำให้ผู้ค้ำประกันคลายความวิตกกังวลลงบ้าง ด้วยวิธีดังนี้ 1. ทำประกันชีวิตเพื่อสินเชื่อเงินกู้ (ตามระเบียบของสหกรณ์ฯในส่วนที่เกินหกแสนขึ้นไป) วงเงินสินไหม 1 ล้านบาท(กรณีเสียชีวิตแบบธรรมชาติ ถ้าเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุก็ได้รับดับเบิ้ลเป็น 2 ล้านบาท) เบี้ยปีละประมาณ 620 บาทต่อทุนประกัน 1 แสนบาท(ถ้า 1 ล้านก็ประมาณ 6,200 บาท ต่อปี 2. ทำ ฌกส.สมาคมสหกรณ์ออมทรัพย์สาธารณสุขไทย เงินชดเชยเสียชีวิตทุกกรณี 1 ล้านบาท (เงินนี้ตกแก่ทายาทตามบันทึกมอบแก่ทายาทของเราเองว่าจะให้ใคร : แต่ก็ได้พูดคุยกับผู้รับไว้ว่าให้ชำระหนี้ให้เรียบร้อยก่อนนะเดี๋ยวตายตาไม่หลับ) เบี้ยปีละประมาณ 4,000 บาท 3. ทำประกันการเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุเท่านั้นสิทธิสมาชิก กบข. กับบริษัททิพยประกันภัย ทุนประกัน 1 ล้านบาท เบี้ยผู้ชายปีละ 1,200 บาท สำหรับผู้หญิงเบี้ยแค่ปีละ 800 บาท น่าทำมากทำทิ้งไว้มา 5 ปีละยังไม่ตายซักที 4. ทำประกันชีวิตกับบริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (อันนี้ไม่จำเป็นต้องทำก็ได้ผมทนเพื่อนรบเร้าไม่ไหวตัดรำคาญ) ทุุนประกัน 1 ล้านบาทเสียชีวิตทุกกรณีทำต่อเนื่อง 20 ปี(ลดภาษีได้) เบี้ยปีละประมาณ 36,000 บาท 5. อื่นๆอีกนะ เช่น ฌกส.กระทรวงสาธารณสุข, ประกันชีวิตกลุ่มของกระทรวงสาธารณสุข(งานประกันเป็นเจ้าภาพ) แค่นี้ผู้ค้ำประกันก็หายใจโล่งหน่อย แต่ไม่รวมกรณีหนีหนี้นะ ถ้าหนีหนี้ประกันไม่ได้จ่าย จะจ่ายเฉพาะกรณีเสียชีวิต (ไม่ต้องทำมากมายขนาดนี้ก็ได้ เอาแค่ 1-2 หรือ 1-3 ก็พอ) | |
ผู้แสดงความคิดเห็น สมาชิก 362 วันที่ตอบ 2014-09-19 10:17:23 IP : 223.207.250.183 |
1 |
Admin by สหกรณ์ออมทรัพย์สาธารณสุขพิษณุโลก จำกัด |
Visitors : 630896 |